ศึกนี้มีศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เตรียมส่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกมหาเทพจอมสับหลอกนำขุมกำลังโม่แข้งเกมเปิดบ้านรับการมาเยือนของ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ที่จะจัด ลีโอเนล เมสซี่ เพชรฆาตรเท้าซ้ายลงผนึกกำลังเพื่อนร่วมทีมวัดคม ในศึกฟุตบอล ซูเปร์โกปา สเปน 2011 นัดแรก คืนวันอาทิตย์ที่ 14 ส.ค.นี้
ปรีวิวฟุตบอลซูเปร์โกปา สเปน 2011
(นัดแรก)
วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2554
เรอัล มาดริด - บาร์เซโลน่า
สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด
โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือคนเก่งชาวโปรตุกีสของ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ได้ตัว เซร์คิโอ รามอส แบ็คขวาจอมบุกหายบาดเจ็บหลังกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลาพอดี ส่วนคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟวาง ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ยืนคู่กับ เปเป้
สำหรับ นูรี่ ซาฮิน, ฮามิต อัลตินท็อป และ เอสเตบัน กราเนโร่ ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ขณะที่ โฆเซ่ กาเยฆอน เป็นเพียงแค่สำรอง
แดนกลางให้ ซามี เคดิร่า ลงมายืนเป็นตัวคุมเกมกลางสนามร่วมกับ ชาบี อลอนโซ่ ห้องเครื่องทีมชาติสเปน ส่วนตัวรุกปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ฟาบิโอ โคเอนเตรา ลงเล่นเป็นตัวทำเกมริมเส้นฝั่งขวา อีกฟากเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของทีม โดยมี เมซุต โอซิล รับบทเพลย์เมคเกอร์
หัวหอกตัวเป้าไว้ใจ คาริม เบนเซม่า ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ที่ยิงได้อย่างต่อเนื่องถึง 8 ประตู ในช่วงอุ่นเครื่อง
ทางด้าน "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทัพของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ขุนพลทัพใหญ่เดินทางมาเยือนเบร์นาเบว โดย การ์เลส ปูโยล กองหลังกัปตันทีม และ แม็กซ์เวลล์ หายบาดเจ็บกลับมามีชื่อในกลุ่ม เช่นเดียวกับ อิบราฮิม อเฟลลาย มิดฟิลด์ตัวรุกชาวดัตซ์ที่กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
ในรายของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ซึ่งมีอาการบาดเจ็บติดตัวมาจากการลงเล่นกับทีมชาติสเปนเมื่อกลางสัปดาห์ จนต้องแยกซ้อมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ฟื้นตัวได้ดีกลับมามีชื่อในทีมเช่นเดียวกับ เคราร์ด ปิเก้ ปราการหลังทีมชาติสเปน ที่หายเจ็บเอ็นหัวเข่าข้างขวา
นอกจากนั้น ชาบี เอร์นานเดซ จอมทัพของอาซูลกราน่า หายเจ็บเข่า กลับมาลงซ้อมได้ตามปกติแล้ว พร้อมลงมาช่วยทีมเช่นกัน
ส่วน ลีโนเอล เมสซี่ สตาร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า และ อเล็กซิส ซานเชซ ปีกตัวใหม่ทีมชาติชิลี มีชื่ออยู่ในทีมชุดนี้ด้วย เช่นเดียวกับ มาร์ติน มอนโตย่า กองหลัง และ โจนาธาน โดส ซานโต๊ส จากทีมบาร์เซโลน่า ชุดเบ. ของสโมสร
ห้องเครื่องของทีมนั้น ติอาโก้ อัลกันตาร่า, ชาบี เอร์นานเดซ และ เซย์ดู เกอิต้า ลงมาผนึกกำลังร่วมกัน
สามประสานแดนหน้าจัดจ้านอย่างยิ่งไล่ตั้งแต่ อันเดรส อิเนียสต้า, ลิโอเนล เมสซี่ และ ดาบิด บีย่า
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม
เรอัล มาดริด: อีเกร์ กาซียาส (กัปตันทีม) - เซร์คิโอ รามอส, เปเป้, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, มาร์เซโล่ วิเอยร่า - ชาบี อลอนโซ่, ซามี เคดิร่า - ฟาบิโอ โคเอนเตรา, เมซุต โอซิล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - คาริม เบนเซม่า
บาร์เซโลน่า: บิคตอร์ บัลเดส - อาเดรียโน่ คอร์เรอา, เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เอริก อบิดัล - ติอาโก้ อัลกันตาร่า, ชาบี เอร์นานเดซ (กัปตันทีม), เซย์ดู เกอิต้า - อันเดรส อิเนียสต้า, ลีโอเนล เมสซี่, ดาบิด บีย่า
ผู้ตัดสิน: เฟร์นานโด เตยเซยร่า บิเตียเนส
เผยราชันฯมีปรีซีซั่นดีสุดในรอบ 24 ปี
"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยอดทีมของแดนกระทิงดุ ที่สามารถเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด 7 นัดในช่วงอุ่นเครื่องปรี-ซีซั่น ซัมเมอร์นี้ นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดในรอบ 24 ปีของทีมเลยทีเดียว
ภายใต้การคุมทัพของ โชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์คนเก่งชาวโปรตุกีส ทีมชุดขาวเก็บชัยได้ทั้งหมด 7 นัดที่ลงอุ่นแข้ง ยิงได้ 27 ประตู และ เสียแค่ 5 เท่านั้นเอง
ด้วยผลงานดังกล่าว ทำให้ เรอัล มาดริด ชุดนี้มีสถิติขึ้นไปเทียบทีมชุดปี 1987/88 ภายใต้การรั้งบังเหียนของ ลีโอ บีนฮัคเกอร์ กุนซือชาวดัตซ์ที่พาลูกทีมตระเวนทัวร์ในประเทศฮอลแลนด์และอิตาลี แล้วเก็บชัยได้ 7 นัดรวดเช่นกัน ยิงไป 36 ประตู และเสียแค่ 12
อย่างไรก็ตามทีมชุดขาว ในฤดูกาล 1987/88 ชนะใน 7 นัดแรก แต่เกมสุดท้ายพ่ายให้กับ ซามพ์โดเรีย ทีมแกร่งของอิตาลีขณะนั้นไป
ทำให้เรอัล มาดริด ในยุคของมูรินโญ่ ที่ชนะ 7 นัดรวด เป็นทีมเดียวที่ไร้พ่ายในช่วงปรีซีซั่น
กระนั้นก็ดี เรอัล มาดริด ในยุคของบีนฮัคเกอร์ ที่อุ่นเครื่องสวยๆก็สามารถขึ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์ ลา ลีกา สเปน ในปีดังกล่าว ทำไปทั้งหมด 62 คะแนน พร้อมทำสถิติคว้าชัยได้ถึง 28 นัดในลา ลีกา โดย ฮูโก้ ซานเชซ ดาวยิงชาวเม็กซิกัน คว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลา ลีกา กระทุ้งไป 29 ประตู ด้วยกัน พร้อมกับเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ แต่ปราชัยให้กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น
สาวกราชันชุดขาว หวังว่าด้วยผลงานการลงอุ่นเครื่องเก็บชัยเจ็ดนัดรวดของทีมในปีนี้ จะทำให้มีความมั่นใจและเดินตามรอยของเรอัล มาดริด ชุดซิวแชมป์ลีก ฤดูกาล 1987/88 ได้
สถิติฟ้องเบนเซม่าร้อนสุดปรีซีซั่น
คาริม เบนเซม่า หัวหอกทีมชาติฝรั่งเศส ของสโมสรเรอัล มาดริด กลายเป็นดาวยิงที่โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงที่สุดในช่วงอุ่นเครื่องปรี-ซีซั่น หลังจากตะบันไปได้ถึง 8 ประตู ซึ่งเป็นสถิติดีที่สุดของสโมสรในยุโรปด้วย เท่าเทียมกับ นีลส์ เพเตอร์เซ่น กองหน้าของบาเยิร์น มิวนิค ที่ซัดได้แปดประตูเท่ากัน
เบนเซม่า กลับมาระเบิดฟอร์มได้อีกครั้งในช่วงปรีซีซั่น หลังจากกระทุ้งได้ถึง 8 ประตู จากการลงสนาม 7 นัด โดยเริ่มจากการทำสองประตูในเกมเจอกับ แอลเอ กาแล็คซี่ ที่สหรัฐอเมริกา จากนั้นก็ลั่นไกใส่ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และ เลสเตอร์ ซิตี้ รวมไปถึงการซัด กวางโจว เอเวอร์กรานเด้ และ เทียนจิน ไต๋ด๋า ที่ประเทศจีน ด้วย
จากการพังประตูเป็นว่าเล่นของเบนเซม่า ทำให้เขากลายเป็นดาวยิงที่ซัดประตูในช่วงปรีซีซั่นมากที่สุดของทีมจากยุโรป เทียบเท่ากับ นีลส์ เพเตอร์เซ่น ของบาเยิร์น มิวนิค
ขณะเดียวกัน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของราชันชุดขาว ก็ซัดไปถึง 7 ประตูในช่วงปรีซีซั่น เช่นกัน
นอกจากนั้นคู่หูของเรอัล มาดริด อย่าง เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลายเป็นคู่หน้าที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของยุโรปในช่วงปรีซีซั่น เมื่อซัดรวมกันไปถึง 15 ประตูเลยทีเดียว เท่ากับคู่ของบาเยิร์น มิวนิค อย่าง นีลส์ เพเตอร์เซ่น และ มาริโอ โกเมซ ที่ซัดรวมกัน 15 ประตู เช่นกัน
เป๊ปไม่เคยพาทีมพ่ายในเบร์นาเบว
สถิติอย่างหนึ่งที่ บาร์เซโลน่า อุ่นใจได้พอสมควรก่อนลงเล่นกับ เรอัล มาดริด ในศึกซูเปร์โกปา นัดแรก วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม นี้
คือการที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือหนุ่มใหญ่ฝีมือเยี่ยมของพวกเขาไม่เคยพาทีมไปแพ้ในซานติอาโก้ เบร์นาเบว เลย
นับตั้งแต่ที่ กวาร์ดิโอล่า ก้าวขึ้นมาคุมทีมอาซูลกราน่า นั้น เจ้าตัวไม่เคยพาทีมมาแพ้ให้กับเรอัล มาดริด ในเบร์นาเบว เลย โดยมีสถิติชนะ 3 นัด เสมอ 1 นัด
4 นัดดังกล่าวที่ เป๊ป นำทัพมาเยือนชุดขาวนั้น ประกอบไปด้วย เกมแรกที่เจ้าตัวพาเจ้าบุญทุ่ม บุกมาถล่ม 6-2 ช่วยให้คว้าแชมป์ ลา ลีกา ฤดูกาล 2008-09 ไปครอง ต่อด้วยการนำทีมบุกมาคว้าชัย 2-0 จากการพังประตูของ ลีโอเนล เมสซี่ และ เปโดร โรดริเกซ ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกได้อีกสมัยในซีซั่นต่อมา
สำหรับเกมที่สามเกิดขึ้นเมื่อซีซั่นก่อน เป๊ป พาทีมมาเบร์นาเบว แล้วเก็บผลเสมอได้ 1-1 พร้อมกับรักษาช่องว่างนำห่าง 8 คะแนนไว้ได้ ก่อนสุดท้ายแล้วจะคว้าแชมป์ ลา ลีกา สมัยที่สามติดต่อกัน
ส่วนอีกเกมนั้นเกิดขึ้นในฟุตบอลยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อฤดูกาลก่อน ซึ่ง บาร์ซ่า บุกมาเอาชนะไปได้ 2-0 จากสองประตูอันสุดยอดของ ลีโอเนล เมสซี่ ในช่วงครึ่งหลัง ช่วยให้พวกเขาทะลุเข้าไปเล่นนัดชิงชนะเลิศที่เวมบลี่ย์ ก่อนคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปไปครองในที่สุด ด้วยการปราบ แมนฯยูไนเต็ด 3-1
สถิติการทำประตูของผู้เล่นในสโมสรยุโรปช่วงปรี-ซีซั่น
8 ประตู: คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด), นีลส์ เพเตอร์เซ่น (บาเยิร์น มิวนิค)
7 ประตู: คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด), มาริโอ โกเมซ (บาเยิร์น มิวนิค)
6 ประตู: ดีเอโก้ ฟับบรินี่ (อูดิเนเซ่)
5 ประตู: เวย์น รูนี่ย์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (เอซี มิลาน), โมฮาเหม็ด ซีดาน (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์), คเลแบร์ (เอฟซี ปอร์โต้), ออสการ์ คาร์โดโซ่ (เบนฟิก้า), มาเตจ์ วายดร้า (อูดิเนเซ่)
เครดิต
siamsport
บ้าน 
