เกม L.A. Noire เป็นเกมสืบสวนฆาตกรรมในยุคปลาย 40 พัฒนาโดย Team Bondi บนเครือง Xbox 360 และ PlayStation 3 ให้ผู้เล่นรับบทเป็นนักสืบแผนกคดีฆาตกรรมชื่อว่า Cole Phelps ดำเนินทำคดีฆาตกรรมเล็กๆจนถึงคดีใหญ่เพื่อตามล่าฆาตกรต่อเนื่องที่สังหาร หญิงสาวต่อเนื่องและอาละวาดทั่วเมืองลอสแองเจิลลิส เกมนี้ได้เล่าเนื้อหาตั้งแต่แรกเริ่มอาชีพตำรวจของ Cole Phelps จนไต่เต้าประสบการณ์และทำผลงานเข้าตา จนได้เป็นเป็นนักสืบ ซึ่งเนื้อเรื่องของเกมมีความน่าติดตามทั้งพัฒนาการตัวละครจนถึงคดีฆาตกรรม สังเกตได้จากตัวละครพูดลอยๆเมื่อเก็บเบาะแสได้เพิ่มๆขึ้น อันเป็นคำใบ้เพื่อสอบถามพยานและผู้ต้องสงสัย หรือความแข็งกร้าวอันทรงพลังเพื่อเค้นความจริงออกมา
ระบบการเล่นเกม L.A. Noire เป็นไปอย่างแบบแผน ตั้งแต่การเดินทางที่เกิดเหตุเพื่อตามหาเบาะแสหลักฐาน ตามด้วยค้นหาสถานที่เพื่อสอบสวนพยานและผู้ต้องสงสัยที่ต้องจับผิดการโกหก ด้วยการดูสีหน้าว่าลังเลที่จะเลี่ยงตอบ, ตอบไม่หมด หรือดุดันเกรี้ยวกราดที่จะไม่ตอบ จนถึงหาผู้ร้ายตัวจริงเพื่อส่งเข้าคุก ซึ่งการใช้เวลาทำคดีก็หมดเวลาราว 30-60 นาที เล่นจบเป็นคดีๆไป ในระหว่างที่ทำคดี ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะทำคดีชาวบ้านเล็กๆน้อยๆ ตั้งแต่ไล่จับทั้งทางเท้า,ทางยานพาหนะ หรือการวิสามัญ แต่เมื่อเวลาเล่นเนื้อเรื่องหลักและรองแล้ว พบว่าเกมนี้ดูความเป็น Sandbox ที่ได้รับความอิสระค่อนข้างน้อย ถูกกำหนดด้วยการล๊อคกรอบโซนพื้นที่ตามเนื้อหาตอนนั้นๆ แต่ก็ทราบดีกว่าฉากเกม L.A. Noire มีความกว้างขวางจริง อีกทั้งเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำคดีสืบสวนต่างๆ ราวเป็นการถูกกดดันให้ทำภารกิจ ทำให้ผู้เล่นไม่มีเวลาว่างหรือลุกขึ้นมาหยิบจับเล่นเกมอย่างอิสระได้เลย และส่วนเสริมของเนื้อหาเกมอย่างการปลดล๊อคเยี่ยมชมสถานที่สำคัญหรือตามหารถ ยนต์หายาก กลายเป็นผลพลอยได้ระหว่างการทำภารกิจเสียมากกว่า
เกม L.A. Noire โดดเด่นเรื่องระบบ MotionScan อันเป็นจุดเด่นและจุดขายของเกมนี้ ผู้เล่นจะได้เห็นใบหน้าของตัวละครที่ขยับทั้งปากและใบหน้าอย่างสมจริง ด้วยการบันทึกใบหน้า 360 องศาและนำมารวมกับโครงใบหน้าโมเดลตัวละครอีกชั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็ประทับใจไม่ผิดหวังอยากที่เคยนำเสนอมาโดยตลอด ส่วนการออกแบบฉากภายในเกมก็เก็บข้อมูลตามความเป็นจริงของเมืองเมืองลอสแอ งเจิลลิสในอดีต ได้เห็นสถาปัตยกรรมดูที่มีกลิ่นเคล้าย้อนยุคอันมีเสน่ห์ของความเป็นระเบียบ ทั้งตึกอาคารจนถึงสถานที่สำคัญที่โดดเด่น ขณะที่กราฟิกเกมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรจากเดิม เป็นการหยิบเอนจิ้นจาก Red Dead Redemption มาใช้ และมาขัดเกลาตามแบบฉบับเมืองยุคปลาย 40 ส่วนเพลงบรรเลงภายในเกมก็ชวนดึงดูด
แม้ว่าเกม L.A. Noire จะนำเสนอเนื้อหาเกมย้อนยุค แต่เมื่อทำระบ MotionScan เข้ามามีบทบาทในเชิคเทคนิคเกม รวมถึงระบบการเล่นแนวใหม่ที่เป็นพิเศษเฉพาะ ก็ทำให้เกมนี้เพิ่มความสนุกต่อการเล่น ไม่เบื่อหน่ายเป็นเกมแนวย้อนยุคที่ผ่านๆมาที่เอาแต่ไล่ยิงเหมือนกับเกมยิง ทั่วๆไปที่นำเสนอยุคปัจจุบันหรือนาคต เกม L.A. Noire เป็นเกมสืบสวนที่ตื่นเต้น น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้เกิดความคล้อยตามทั้งเนื้อหาและตัวเอกเกมที่เป็นเอกลักษณ์เด่นที่สุด อีกด้วย
Credit : Gamemun